081-315-3408, 086-368-8179 pufoam@gmail.com

ว่าด้วยเรื่องของเทคนิคการเลือกใช้ฉนวนกันความร้อนรูปแบบต่างๆ ในบทความนี้จะขอพูดถึงเทคนิคการเลือกใช้ฉนวนกันความร้อนโดยการมองจากความสามารถในการเป็นฉนวนกันความร้อนของวัสดุนั้นเป็นหลัก ก่อนที่เราจะทราบถึงแนวทางในการเลือกใช้ฉนวนกันความร้อนนั้น เราควรมีความเข้าใจกับความหมายของคำว่า “วัสดุฉนวนกันความร้อน” ก่อน

วัสดุฉนวนกันความร้อน?

วัสดุฉนวนกันความร้อนในความหมายที่เข้าใจได้ง่ายๆ ก็คือเลือกวัสดุอะไรก็ได้ที่มีความสามารถในการป้องกันความร้อน,ต้านทานความร้อน หรือความเย็นไม่ให้ผ่านจากด้านหนึ่งสู่อีกด้านหนึ่งของวัสดุได้โดยง่าย ซึ่งการที่อุณหภูมิจากด้านหนึ่งจะสามารถแผ่ทะลุไปถึงอีกด้านหนังของวัสดุได้มากน้อยหรือช้าเร็วแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับว่าวัสดุชนิดนั้นมีความสามารถในการเป็นฉนวนกันความร้อนมากเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นฉนวนกันความร้อนหรือฉนวนกันความเย็น แท้จริงแล้วต้องบอกว่า วัสดุชนิดนั้นมีความสามารถในการป้องกันการส่งผ่านอุณหภูมิที่ดีมากแค่ไหน ถึงจะเป็นการเข้าใจที่ถูกต้อง ซึ่งคุณสมบัติของฉนวนกันความร้อนหรือฉนวนกันความเย็นที่ดีนั้นสามารถพิจารณาได้จากความสามารถในด้านต่างๆ ได้ดังต่อไปนี้

ค่าบงชี้การต้านทานความร้อนสูงหรือค่า R (Resisttivity)

ค่าการต้านทานความร้อน หรือ ค่า “R-Value” จะเป็นค่าที่บ่งบอกถึงอัตราส่วนระหว่างความหนาของวัสดุตามแนวที่ความร้อนไหลผ่านเนื้อวัสดุกับความสามารถในการนำความร้อนของวัสดุ กรณีที่วัตถุซ้อนกันหลายชั้นค่าความต้านทานความร้อนรวมจะเท่ากับผลบวกของค่าความต้านทานความร้อนของวัสดุที่กำหนดแต่ละชั้นรวมกัน และค่าการต้านทานความร้อนจะมีความสัมพันธ์กับค่าการนำความร้อนแบบเป็นส่วนกลับกัน กล่าวคือ ถ้าค่าการต้านทานความร้อนสูงวัสดุนั้นก็จะมีค่านำความร้อนต่ำ

วัสดุที่เราจะนำมาใช้เป็นฉนวนกันความร้อน ค่า R ต้องมาก ซึ่งนั่นหมายความว่า สามารถ “ป้องกัน” ความร้อนได้ดี

ความสามารถในการนำความร้อน (Conductivity, K)

ค่าการนำพาความร้อนหรือ ค่า “K–Value” สามารถบอกถึง ความสามารถในการนำพาความร้อนซึ่งเกิดขึ้นภายในเนื้อวัสดุชนิดนั้นๆ โดยวัดค่าในรูปของอัตราปริมาณความร้อนไหลต่อหน่วยเวลา จากจุดระยะทางหนึ่งถึงอีกจุดหนึ่ง ที่มีอุณหภูมิแตกต่างกันต่อหน่วยพื้นที่หน้าตัดที่ไหลผ่าน

วัสดุที่เราจะนำมาใช้เป็นฉนวนกันความร้อน ค่า K ต้องน้อย ซึ่งนั่นหมายความว่า สามารถ “นำ” ความร้อนได้แย่

ความจุความร้อน (Thermal Capacity)

ค่าความจุความร้อนของวัสดุ ในความเป็นจริงแล้วไม่สามารถระบุได้โดยตรงว่าควรจะมีค่ามากหรือน้อยจึงจะดี เพราะการเลือกวัสดุที่ค่าความจุความร้อนน้อยหรือมากนั้นต้องขึ้นอยู่กับเทคนิคการนำไปใช้ เนื่องจากวัสดุที่ความจุความร้อนน้อย การส่งผ่านความร้อนจากภายนอกสู่ภายในจะมากและส่งผ่านได้เร็ว ซึ่งจะเหมาะกับส่วนที่มีการใช้งานเฉพาะกลางคืน แต่ในทางกลับกัน วัสดุที่มีค่าความจุความร้อนมาก ก็สามารถเก็บความร้อนไว้ในตัวเองได้มาก ความร้อนที่ส่งผ่านต่อมายังในอาคารก็จะน้อยลงหรือส่งผ่านได้ช้าลง (Time Lag) ซึ่งเหมาะกับบริเวณที่ใช้งานเฉพาะกลางวัน จะเห็นว่าการส่งผ่านความร้อนเนื่องจากค่าความจุความร้อนของวัสดุนั้น มีความเกี่ยวข้องกับช่วงเวลาที่จะต้องเลือกใช้ให้เหมาะสม

แล้วฉนวนกันความร้อนแบบไหนดีล่ะ?

จากบทความข้างต้น สามารถกล่าวได้ว่า ฉนวนกันความร้อนในอุดมคติที่เราต้องการเลือกใช้สำหรับงานป้องกันความร้อนทั่วไป คือฉนวนกันความร้อนที่มีค่าการต้านทานความร้อน “สูง” ( ค่า R ยิ่งมากยิ่งดี เพราะสามารถต้านทานความร้อนได้ดี )  ในขณะเดียวกันฉนวนกันความร้อนชนิดที่เราเลือกก็ต้องเป็นฉนวนกันความร้อนที่มีค่าการส่งผ่านความร้อนที่ ” ต่ำ ”  ( ค่า K ยิ่งน้อยยิ่งดี เพราะความร้อนยากที่จะเดินทางภายในเนื้อวัสดุ ดังนั้นการนำความร้อนในเนื้อวัสดุจึงเกิดได้ช้ามาก )  จากคุณสมบัติข้างต้นจะเห็นว่าฉนวนกันความร้อนของเราสามารถป้องกันความร้อนได้อย่างดีเยี่ยม และถ้าหากความร้อนเข้ามาภายในเนื้อวัสดุแล้ว ก็ยิ่งเดินทางผ่านเนื้อวัสดุได้ยากเข้าไปใหญ่   สุดท้ายเรื่องของค่าความจุความร้อนนั้น วัสดุที่เราเลือกใช้เป็นฉนวนกันความร้อนจำเป็นจะต้องมีค่าความจุความร้อนที่มาก เพราะทำให้ความร้อนที่เล็ดลอดเข้ามาในเนื่้อฉนวนใช้เวลานานที่สุดเพื่อไม่ให้ความร้อนหลุดไปถึงพื้นผิวอีกฟากหนึ่ง   รวมๆกันแล้วก็สรุปได้ว่า ความร้อนเข้ามาก็ยากแล้ว จะเดินทางผ่านไปก็ยิ่งทำได้ช้า  ระยะทางกว่าจะทะลุไปอีกฟากก็ยิ่งไกล ถึงจะเป็นฉนวนกันความร้อนที่สมบูรณ์แบบ

เหล่านี้เองเป็นที่มาของฉนวนกันความร้อนพียูโฟม

จากคุณสมบัติข้างต้นของวัสดุฉนวนกันความร้อน สอดคล้องกับคุณสมบัติของฉนวนกันความร้อน พียูโฟม (P.U.Foam โพลียูรีเทนโฟม) ซึ่งเป็นฉนวนกันความร้อนที่มีค่าความต้านทานความร้อนสูง ( R = 7.296 Btu./ F^2 / H. F)  และค่าการนำพาความร้อน K = 0.017 W/mk ) ซึ่งสามารถป้องกันความร้อนและต้านทานความร้อนได้อย่างสมบูรณ์แบบ และมีค่าต้านทานความร้อนดีที่สุดในท้องตลาด และยังมีค่าความนำพาความร้อนต่ำมาก อีกทั้งยังมีค่าความจุความร้อนสูงมากพอที่จะสามารถป้องกันความร้อนไม่ให้ทะลุผ่านเนื้อโฟมไปได้ ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้น ยันพระอาทิตย์ตก ความร้อนยังไม่ทันทะลุเนื้อโฟมไปได้เลย ก็หมดวันซะแล้ว เหล่านี้เองเป็นที่มาของ สุดยอดฉนวนกันความร้อนพียูโฟม ( PU FOAM ) ฉนวนกันความร้อนที่สามารถตอบโจทย์ทุกการใช้งานไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือโรงงาน  สำหรับคุณสมบัติทางเทคนิคของฉนวนกันความร้อนพียูโฟมสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่  คลิ๊กเลย

ติดต่อ บริษัท พี.ยู.โฟม อินซูเลชั่น แอนด์ เทรดดิ้ง  02-703-660-3  website : www.pufoaminsulation.com

error: บริษัท พี.ยู.โฟม อินซูเลชั่น แอนด์ เทรดดิ้ง ขอสงวนลิขสิทธิ์